หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

๏ 10 เหตุผลที่เชื่อว่า พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย



1. พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ต่อหน้า...ฝูงชน

 ในระหว่างเทศกาลปัสกาของชาวยิว ฝูงชนที่ถูกปลุกปั่นให้ลุกฮือขึ้น ได้จับกุมพระเยซูไปมอบให้ปิลาดเจ้าเมืองชาวโรม โดยกล่าวหาว่า พระเยซูได้อ้างตนเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ประชาชนได้ขอให้ตรึงพระองค์เสียที่กางเขน พระเยซูทรงถูกโบยตีอย่างทารุณ และนำไปประหารต่อหน้าฝูงชนบนภูเขานอกกรุงเยรูซาเล็ม พร้อมนักโทษ 2 คนท่ามกลางมิตรที่รักและศัตรูที่เยาะเย้ย พระเยซูได้ทรงสิ้นพระชนม์อย่างน่าอนาถ เนื่องจากวันสะบาโตได้ใกล้เข้ามา ทหารโรมันจึงตองเร่งการประหารนักโทษให้เร็วขึ้นโดยการทุบขาให้หัก แต่เมื่อมาถึงพระเยซูก็พบว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว แต่เพื่อความมั่นใจทหารจึงให้หอกแทงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์ เพราะกลัวว่าพระองค์จะเพียงแค่หมดสติไป

หมายเหตุ :
- พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ในบ่ายวันศุกร์
- วันสะบาโต (วันหยุดพักผ่อน) ของชาวยิวเริ่มตั้งแต่เย็นวันศุกร์เรื่อยไปจนถึงเย็นวันเสาร์

2. อุโมงค์ฝังศพถูกประทับตรา...ห้ามเข้า

วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันสะบาโต ผู้นำยิวได้มาหาปิลาดกล่าวว่า พระเยซูเคยบอกพวกสาวกว่า "พระองค์จะสิ้นพระชนม์และจะทรงฟื้นขึ้นจากความตายในวันที่สาม" ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการขโมยพระศพเพื่อนำไปสร้างหลักฐานเท็จ จึงขอให้ปิลาดสั่งเจ้าหน้าที่ประทับตรา "ห้ามเข้าเด็ดขาด" หน้าอุโมงค์ฝังศพ พร้อมส่งทหารยามหมู่หนึงไปเฝ้าหน้าอุโมงค์อย่างเข้มแข็ง เพื่อปัองกันไม่ให้ใครสามารถเข้าไปได้ หากมีผู้ใดฝ่าฝืนหรือมีการหลับยามต้องมีโทษถึงตาย

 3. อุโมงค์...ว่างเปล่า
ในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากวันสะบาโต (วันอาทิตย์) ได้มีสาวกบางคนรุดไปที่อุโมงค์เพื่อจะชโลมพระศพ แต่เมื่อไปถึงพวกเขาต้องแปลกใจเมื่อพบว่าหินก้อนใหญ่ซึ่งใช้ปิดทางเข้า อุโมงค์ได้ถูกเปิดออก อุโมงค์กลับว่างเปล่า พระศพของพระเยซูได้หายไป พบเพียงแต่ผ้าพันพระศพวางพับอยู่เท่านั้น ส่วนทหารยามได้วิ่งเข้าไปในกรุงเยรูซาเล็มเพื่อแจ้งให้ผู้นำยิวทราบว่า "มีทูตสวรรค์มาปรากฏและได้กลิ้งก้อนหินใหญ่ที่ปิดอุโมงค์ออกและพวกเขาได้สลบ ไป เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่าอุโมงค์ได้ว่างเปล่า และพระศพของพระเยซูได้หายไปเสียแล้ว "ผู้นำยิวจึงได้จ่ายเงินค่าปิดปากเป็นจำนวนมาก เพื่อให้โกหกว่า พวกสาวกได้มาขโมยพระศพไปในขณะที่พวกทหารหลับอยู่ ผู้นำยิวยังได้ยืนยันว่าถ้าข่าวเรื่องพระศพหายไปนี้รู้ถึงหูปิลาดเจ้าเมือง พวกเขาจะช่วยพูดปกป้องให้

หมายเหตุ
- พระเยซูทรงฟื้นขึ้นจากความตายในวันที่สามคือวันอาทิตย์

4. พยานบุคคลจำนวนมาก...ยืนยัน
ประมาณ ค.ศ.55 อัครทูตเปาโลได้บันทึกว่าพระเยซูได้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ โดยได้ปรากฏตัวให้อัครทูต 12 คน และสาวกกว่า 500 คนเห็นตลอดระหว่างสี่สิบวัน ต่างวาระและต่างสถานที่กัน ขณะที่ท่านได้บันทึกเรื่องราวเหล่านั้ หลายคนที่ท่านได้กล่าวอ้างถึงนั้นยังมีชีวิตอยู่ (1 โครินธ์ 15:5-8) และที่สำคัญโดยการกล่าวอ้างอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้นำยิวที่คอยจ้องจับผิดสามารถตรวจสอบและโต้แย้งข้อ เท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ หากการฟื้นคืนพระชนม์เป็นเรื่องโกหก สาวกของพระเยซูก็คงไม่สามารถแก้ตัวใดๆได้

5. ชีวิตของสาวก...เปลี่ยนไป
ในคืนที่พระเยซูทรงถูกจับ เหล่าสาวกต่างหนีเอาชีวิตรอดด้วยความหวาดกลัว แม้แต่เปโตรซึ่งก่อนหน้านี้ได้กล่าวอย่างแข็งขันกว่าพร้อมจะตายกับพระเยซู ก็ยังกลัวจนตัวสั่นและปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักพระองค์ถึงสามครั้ง แต่ภายหลังจากประสบการณ์ที่ได้เห็นด้วยตาและสัมผัสด้วยมือของตนเองว่า พระเยซูทรงฟื้นขึ้นจากความตาย ชีวิตของเหล่าสาวกก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากคนที่เคยขลาดกลัวกลับ กลายเป็นคนที่กล้าหาญ ไม่หวั่นต่อคำขู่หรือความตาย จิตใจแกร่งเหมือนเหล็กและกลายเป็นคนที่ไม่มีใครหยุดได้ในความุมานะที่จะสละ ทุกสิ่งเพื่อผู้ที่พวกเขาเรียกว่า "องค์พระผู้ช่วยให้รอด" และ "องค์พระผู้เป็นเจ้า" แม้หลังจากนั้นพวกเขาจะถูกจำคุก โดนเฆี่ยนตี และห้ามไม่ให้กล่าวอ้างถึงพระนามของพระเยซูอีก แต่พวกเขาตอบกลับผู้นำยิวอย่างไม่กลัวเกรงว่า "ข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์" (กิจการ 5:29)

6. เพื่อสิ่งที่ตนเชื่อสาวกยอม...ตาย
ประวัติศาตร์เต็มไปด้วยชายหญิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้ยอมตายเพื่อความเชื่อ ของตน ซึ่งรวมถึงเหล่าสาวกที่ได้เห็นพระเยซูทรงฟื้นขึ้นจากความตายด้วย คงไม่มีใครยอมตายเพื่อคำหลอกลวงหรือ เรื่องเท็จที่ตนเองได้ปั้นแต่งขึ้น พวกเขายินดีที่จะถูกฆ่าตายเพื่อยืนยันว่า พระเยซูคริสต์ไม่เพียงสิ้นพระชนม์เพื่อความบาปของพวกเขา แต่ว่าพระองค์ทรงฟื้นพระชนม์จากความตายเพื่อแสดงว่าผู้เชื่อทุกคนจะมีชีวิต นิรันดร์ด้วยกันกับพระองค์

หมายเหตุ
- ชีวิตนิรันดร์คือการที่ได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ในสวรรค์

7. คริสเตียนชาวยิวเปลี่ยน...วันนมัสการ
วันสะบาโตถือเป็นวันสำคัญมากในวิถีชีวิตของชาวยิว เพราะเป็นวันที่พระเจ้าทรงกำหนดให้มีการพักผ่อนหยุดพักจากการงาน และนมัสการ ยิวคนใดที่ไม่ปฏิบัติตามวันสะบาโตจะมีความผิดต่อบัญญัติของโมเสส แต่ชาวยิวผู้เชื่อพระเยซูคริสต์ได้เริ่มนมัสการพระเจ้าในวันอื่นแทน คือ วันอาทิตย์ วันซึ่งพวกเขาเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงฟื้นขึนจากความตายแทนวันสะบาโต (วันเสาร์) สำหรับชาวยิวแล้ว นั่นเป็นการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เป็นการประกาศว่า พวกเขาเชื่อว่าความตายและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ได้เปิดทางสู่ความ สัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้า วิถึทางใหม่นี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนธรรมบัญญัติ แต่ตั้งอู่บนการยกโทษบาปและการประทานชีวิตของพระเยซูคริสต์

8. เหตุการณ์เหล่านี้...ทำนายล่วงหน้าไว้แล้ว
นานนับพันปีที่พระเจ้าได้ทรงสัญญากับชนชาติยิวว่าจะส่งพระเมสสิยาห์ (พระผู้ช่วยให้รอด) มาช่วยพวกเขาให้พ้นจากความทุกร์ยาก การถูกกดขึ่ข่มเหง พวกเขาเข้าใจว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมาทรงตั้งอาณาจักรอิสราเอลที่ยิ่งใหญ่ และทรงอำนาจ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าพระเมสสิยาห์ที่พระคัมภีร์เดิมกล่าวถึงมากมายหลาย ครั้งจะมาเพื่อปลดปล่อยพวกเขาให้พ้นจากการเป็นทาสของความบาปซึ่งเป็นเรื่อง ของความรอดฝ่ายวิญญาน (อิสยาห์ 53:10) นอกจากนี้พระเยซูยังได้ทรงตรัสหลายครั้งกับสาวกเป็นการล่วงหน้าว่า จำเป็นที่พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มและจะถูกจับตรึงกางเขนสิ้นพระ ชนม์ และในวันที่สามพระองค์จะฟืนขึ้นมาจากความตาย

9. แพ้แต่...ชนะ
ดูเหมือนเป็นการพ่ายแพ้ และเป็นการปิดฉากชีวิตของขายที่ชื่อว่า เยซูชาวนาซาเร็ธ ผู้ได้เริ่มต้นการอัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อตลอดสามปี โดยเปลี่ยนน้ำธรรมดาให้เป็นเหล้าองุ่น ผู้รักษาคนเจ็บป่วย เปิดตาคนตาบอด รักษาคนหูหนวกและเป็นใบ้ รักษาคนง่อย ขับผี ห้ามลมพายุให้สงบ ผู้เดินบนน้ำทะเล และเรียกคนตายให้ฟื้น พระองค์ทรงตั้งคำถามที่คนฉลาดที่สุดก็ยังตอบไม่ได้ พระองค์ทรงสอนความจริงที่ลึกซึ้งด้วยการเปรียบเทียบที่ง่ายๆ พระองค์เผชิญหน้าคนหน้าซื่อใจคดด้วยถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาและเปิดเผยใจที่คดงอ ของเขา ถ้าทั้งหมดนี้เป็นความจริง เราคงจะแปลกใจว่าพระองค์ไม่ได้เป็นฝ่ายชนะ เพราะทรงถูกจับและตรึงไว้บนกางเขน  และถูกฝูงชนเยาะเย้ยส่อเสียดว่า "ช่วยคนอื่นได้ แต่จะช่วยตัวเองได้หรือ?" การอัศจรรย์ได้สิ้นสุดลงแล้วหรือ? นี่ดูเหมือนเป็นการพ่ายแพ้ แต่ในความเป็นจริง การพ่ายแพ้นี้กลับเป็นชัยชนะที่ศัตรูของพระองค์คือมารซาตานคาดไม่ถึง เพราะด้วยการสิ้นพระชนม์บนกางเขน มนุษย์สิ้นทั้งโลกที่ต้องตายเพราะความบาปผิดของตน จึงได้รับการไถ่โทษ และการฟื้นขึ้นจากความตายก็ยืนยันว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ดังนั้นทุกคนที่เชื่อวางใจในพระองค์จึงไม่ต้องพินาศเพราะบาปอีกต่อไป แต่จะมีชีวิตใหม่ เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย

10. ประสบการณ์ของ...ผู้เชื่อ
หากความเชื่อของคริสเตียนเป็นเพียงการเรียนรู้จากการรับฟังเรื่องราวของผู้ อื่น หรือ จากตำราหนังสือเท่านั้น ความเชื่อดังกล่าวคงยากที่จะกลายเป็นความเชื่อที่มั่นคงและหยั่งรากลึกใน ชีวิตคริสเตียนได้ ผู้เชื่อรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้เกิดมาและได้ตายจากไป แต่ความเชื่อของคริสเตียนแต่ละรุ่นยังมั่นคงสืบทอดต่อกันมานับร้อยนับพันปี เพราะองค์พระเยซูคริสต์ผู้ที่เราเชื่อนั้นยังทรงพระชนม์อยู่ วานนี้ วันนี้และสืบไปเป็นนิตย์ ดังนั้น ผู้เชื่อทุกยุกทุกสมัยจึงสามารถมีประสบการณ์ตรงกับพระเยซูได้ในชีวิตส่วนตัว ของเขา และทุกคนต่างยืนยันว่า พระเยซูคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขนเมื่อสองพันปีที่แล้ว ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และยังทรงพระชนม์อยู่ทุกวันนี้

ไม่ใช่คุณคนเดียว
หากคุณพิจารณาเห็นว่า การฟื้นคืนพระชนม์เป็นเรื่อง สมเหตุสมผล ขอได้ใคร่ครวญพระคัมภีร์ที่กล่าวว่า "พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อใช้หนี้บาปของเราและผู้ที่เชื่อในใจและได้รับ ด้วยปากของเขาว่าพระเจ้าได้ทรงทำให้พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายผู้นั้นก็จะ รอด (โรม 10 : 9-10)

ความรอดจากบาปซึ่งพระเยซูคริสต์มอบให้นันไม่ใช่เป็นรางวัลของความพยายาม ทำความดี แต่เป็นของขวัญที่ให้แก่ผู้ที่ได้วางใจในพระองค์เนื่องจากหลักฐานเหล่านี้

คำค้น :เวปไซด์คริสเตียน,นมัสการ,พระคำภีร์,พระวจนะคำ,หนุนใจ,พระเยซูคริสต์,พระ เจ้า,God,การเฝ้าเดี่ยว,การอธิฐาน,วันคริสมาส,วันอีสเตอร์,วันวาเลนไท น์,หลักความเชื่อ,คำพยานชีวิต,ประสบการณ์พระพร,การรับใช้,พระวิญญานบริสุ ทธิ์,พระบุตร,Holly Spirit,คริสจักร,คำเทศนา,ดาวน์โหลดเพลงนมัสการ,ดาวน์โหลด เพลงworship,Download music,Mp3,Cristain music,Worship song,ห้องชั้นบน,ชุมชนคนรักพระเจ้า,คำพยานชีวิต,ผู้เชื่อใหม่,เปิดใจต้อนรับ พระเยซู,หนังคริสเตียน,ภาพยนต์คริสเตียน,ขายดีวีดี,หนังต่างประเทศ,พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย , วันEaster,วันอีสเตอร์